วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทที่ 5

 บทที่ 5
พระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากลและมีข้อปฏิบัติที่ยึดทางสายกลาง


 พระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากล
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักความจริงที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติที่พระองค์ได้ทรงค้นพบด้วยตนเองโดยชอบ คำว่า พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ หรือ ผู้รู้สัจธรรม
หลักคำสั่งสอนที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาประกาศ เปิดเผย และสั่งสอนประชาชนชาวโลก ตลอดระยะเวลา 45 ปี เหมาะสมแก่บุคคลทุกระดับชั้น ใครก็ตามนำไปประพฤติปฏิบัติย่อมได้รับผลตามสมควรแก่การปฏิบัติ
พระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากล
ทฤษฎี  หมายถึง หลักการ  คำว่า  วิธีการ หมายถึง แบบอย่างหรือกฎเกณฑ์ และ คำว่า สากล หมายถึง  ทั่วไป  ดังนั้นพระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากลหมายถึงพระพุทธศาสนามีหลักคำสั่งสอนที่เป็นหลักการและกฎเกณฑ์ เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าถูกต้อง
หลักคำสั่งสอนที่จัดเป็นทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากล หลายเรื่อง เช่น หลักกฎแห่งกรรม หลักแห่งเหตุและปัจจัย หลักการพัฒนามนุษย์ 4 ด้าน  แต่ที่พระพุทธองค์ทรงนำมาสอนมากเป็นพิเศษ คือ หลักอริยสัจ 4 หรือ หลักความจริงแห่งชีวิต 4 ประการ ได้แก่


  1. ชีวิตแลโลกนี้มีปัญหา (ทุกข์)
ชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น  ปัญหาที่มนุษย์ต้องเผชิญ มีทั้งปัญหาที่เป็นปัญหาสากล เช่น ปัญหาการเกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  ความไม่สมปรารถนา  ความพลัดพรากจากบุคคล สัตว์ สิ่งของ
  1. ปัญหามีสาเหตุ มิได้เกิดขึ้นลอยๆ (สมุทัย)
ปัญหาที่มนุษย์เผชิญอยู่ดังกล่าวข้างต้น มิใช่เกิดขึ้นลอยๆ หรือเกิดขึ้นโดยบังเอิญโดยไม่มีเหตุปัจจัย ทุกปัญหาเกิดขึ้นอย่างมีสาเหตุทั้งสิ้น
  1. มนุษย์สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง (นิโรธ)
เนื่องจากปัญหาทุกปัญหาย่อมมีสาเหตุ การแก้ปัญหาได้ต้องสืบสาวหาสาเหตุให้พบแล้วแก้ที่สาเหตุนั้น ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธศาสนาได้สอนไว้ว่า  มนุษย์มีศักยภาพหรือความสามารถเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยตัวมนุษย์เอง
  1. การแก้ปัญหานั้นต้องใช้ปัญญาและความเพียร  (มรรค)
ในกระบวนการแก้ปัญหานั้น  จำเป็นต้องใช้ปัญญา (ความรู้) และวิริยะ (ความพียร)อย่างเกื้อหนุนกัน จึงจะสามารถแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปได้
อริยสัจ 4 ประการนี้  จัดเป็นทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากล คือ สามารถนำไปแก้ปัญหาหรือความทุกข์สำหรับทุกคนได้เป็นอย่างดี

พระพุทธศาสนามีข้อปฏิบัติที่ยึดทางสายกลาง
การแก้ปัญหาให้สำเร็จผลด้วยดี นอกจากนี้จะต้องใช้ปัญญาและความเพียรอย่างต่อเนื่องแล้ว จะต้องปฏิบัติโดยยึดทางสายกลางอีกด้วย
ทางสายกลาง  หมายถึง  ทางที่ยึดความพอดีหรือความสมดุล ข้อปฏิบัติที่ยึดทางสายกลางตามหลักพระพุทธศาสนา เรียกว่า  มัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งได้แก่ อริยมรรคมีองค์แปด หรือ มรรค 8 หมายถึงข้อปฏิบัติ  8 ประการ   คือ
1. สัมมาทิฏฐิ   คือ  ความเห็นชอบ  เช่น  เห็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
2. สัมมาสังกัปปะ  คือ  ความดำริชอบ ได้แก่คิดที่จะไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น คิดที่จะไม่พยาบาทอาฆาตผู้อื่นและคิดที่จะไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน
3. สัมมาวาจา  คือ การเจรจาชอบ หมายถึงการพูดจาที่เว้นจากลักษณะของการพูดชั่ว 4 ประการ ได้แก่  การพูดเท็จ  การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ  และการพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ โดยพูดแต่สิ่งที่จริงมีประโยชน์  พูดด้วยเมตตา พูดวาจาไพเราะ และพูดในเวลาที่ควรพูด
4. สัมมากัมมันตะ  คือ  การทำงานชอบ  หมายถึง การประพฤติหรือการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเว้นจากการประพฤติชั่วทางกาย 3 ประกาย คือ  การฆ่าสัตว์  การลักทรัพย์  และการประพฤติผิดในกาม
5. สัมมาอาชีวะ  คือ การเลี้ยงชีพชอบ  เว้นจากการเลี้ยงชีพในทางที่ผิด เช่น การหลอกลวงเขากิน การปล้นเขา  การบังคับผู้อื่นให้ค้าประเวณี  การค้ายาเสพติด เป็นต้น
6. สัมมาวายามะ   คือ ความเพียรพยายามชอบ  หมายถึง ความเพียรพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้แก่ ความเพียรพยายามระมัดระวังตนมิให้ทำความชั่ว เพียรพยายามละความชั่วที่เกิดขึ้นในตน เพียรพยายามทำความดีให้เกิดขึ้นในตน และเพียรพยายามรักษาคุณงามความดีที่เกิดขึ้นในตนให้อยู่ตลอดไป
7. สัมมาสติ  คือความระลึกชอบ  หมายถึง  การตั้งสติกำหนดพิจารณาให้เห็นสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏตามสภาพความเป็นจริง  ได้แก่  การพิจารณาร่างกาย จิต และความรู้สึกของตนให้เห็นตามสภาพที่เป็นจริง
8. สัมมาสมาธิ  คือความตั้งใจมั่นชอบ ได้แก่ การตั้งจิตแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยชอบ


พระพุทธศาสนาทางสายกลาง






ที่มา:https://kasmonblog.wordpress.com/2013/07/05/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B21/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น